วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2552

ภูเขาแห่งความโกรธ ข้อคิดจาก ว.วชิรเมธี

ภูเขาแห่งความโกรธ ข้อคิดจาก ว.วชิรเมธี (คมชัดลึก)

ครั้งหนึ่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อสหรัฐอเมริกาโกรธทหารญี่ปุ่นที่เอาเครื่องบินมาทำกามิกาเซ่ เครื่องบินเรือรบของอเมริกาที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ ความโกรธของอเมริกาครั้งนั้นทำให้อเมริกาเอาระเบิดนิวเคลียร์ไปถล่มเมืองนางาซากิ เมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่น คนตายทันทีทั้งสองแห่งกว่า 4 แสนคน ฮิตเลอร์โกรธชาวยิว ฆ่าชาวยิวไปในสงครามโลกครั้งที่ 2 กว่า 6 ล้านคน พระเจ้าวิฑูทภะในประเทศอินเดีย โกรธที่ชาวศากยะซึ่งเป็นพระญาติของพระพุทธเจ้ามาดูถูกพระองค์ ทรงกรีธาทัพไปฆ่าชาวศากยะล้างโคตร จนตระกูลศากยะของพระพุทธเจ้าสูญหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ นี่คืออานุภาพการทำลายล้างของความโกรธ เมื่อความโกรธเกิดขึ้นในใจของคนคนหนึ่ง ทุกสิ่งสามารถถูกนำไปเป็นอาวุธทำลายล้างกันได้ทั้งหมดเลย ยกตัวอย่างใกล้ตัวที่สุด หัวของเรานั้น ปกติก็เป็นที่อยู่ของมันสมอง สติปัญญา แต่เวลาเราโกรธกันขึ้นมา เราใช้หัวโขกหัวคนที่เราโกรธจนหัวแตกก็ได้ ตาของเราซึ่งเวลาเรารักกันนั้น เราสบตากันแล้วรู้สึกดีมาก เพราะว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ แต่เวลาโกรธ คนสองคนโกรธกันอาจจะใช้ดวงตาเผาไหม้อีกฝ่ายได้อย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด




สำหรับฟันของเราปกติใช้บดเคี้ยวอาหาร ทำให้เราได้กินของอร่อยๆ พอเราโกรธกันขึ้นมา เราอาจจะกัดคนที่เราโกรธหูขาด คอขาด แขนขาด เลือดไหลทะลักออกมาก็ได้ทั้งนั้น สำหรับสามีภรรยาที่เคยรักกัน เวลารักกันเราก็จะตระกองกอดกันอย่างมีความสุข สองมือนี้อาจจะคอยประคองสองแก้มของคนที่เรารัก แต่เชื่อไหมว่า สองมือที่เคยตระกองกอดเราก็ดี เคยประคองสองแก้มของเราด้วยความชื่นชมก็ดี มือเดียวกันนี่แหละ ที่ถ้าโกรธแล้วสามารถตบเราให้หน้าคว่ำหน้าหงายได้ สำหรับพ่อแม่ลูกที่อยู่ด้วยกันในบ้าน ตอนที่ยังดีๆ กันอยู่ เคยไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องประดับมาไว้ในบ้าน จัดมุมโน้น จัดมุมนี้อย่างสวยงาม ด้วยความสมัครสมานสามัคคี แต่เชื่อไหมว่าเวลาทะเลาะกัน ข้าวของที่เราเคยช่วยกันซื้อระหว่างพ่อแม่ลูก สามีภรรยานั่นแหละ เวลาโกรธกันขึ้นมา ต่างฝ่ายต่างก็หยิบขึ้นมาขว้างปากันจนหัวร้างข้างแตก เครื่องประดับกลายเป็นอาวุธทำร้ายคนที่เรารักไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ สำหรับคู่สามีภรรยาที่นอนเตียงเดียวกัน เวลาโกรธกันขึ้นมา โคมไฟบนหัวเตียงอาจจะกลายเป็นกระบองชั้นดีทุบอีกฝ่ายหนึ่งจนเลือดอาบก็ได้ สำหรับช้อน ส้อม ซึ่งเราใช้กินอาหารอยู่ทุกวัน เวลาทะเลาะกันในวงข้าว อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะหยิบมันมาเสียบคอของคู่ต่อสู้ หรือปักไปในดวงตาของคนที่ทำให้เราโกรธทันทีทันใดก็ได้ สำหรับพระที่ขาดสติ หากทะเลาะกันขึ้นมา บาตรที่เคยใช้ใส่ข้าวอยู่ทุกเช้า อาจจะกลายเป็นอาวุธที่ทุบหัวของอีกฝ่ายหนึ่งให้กะโหลกแตกกระจายก็ได้


...ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแล้วทำให้บ้านแตกก็ได้ ทำให้ครอบครัวแตกก็ได้ ทำให้สำนักงานแตกก็ได้ ทำให้เพื่อนแตกจากเพื่อนก็ได้ ทำให้ข้าวของแตกกระจายก็ได้ ทำให้พรรคแตกก็ได้ ทำให้ประเทศแตกก็ได้ และทำให้โลกนี้แตกก็ได้ เหนืออื่นใดก็คือ ทำให้ชีวิตของเราแตกดับก็ได้ ที่กล่าวมานี้ก็เป็นอันตรายของความโกรธแค่ย่อๆ เท่านั้นเอง อาตมาเชื่อว่าทุกคนต้องเคยโกรธมาแล้ว และรู้ดีว่าความโกรธทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าความโกรธเกิดขึ้นจงอย่าวิ่งตามความโกรธ แล้วก็อย่าเก็บความโกรธใส่ไว้ในขวดโหลเหมือนเราดองผลไม้ไว้ในขวดโหล ดังนั้น เมื่อความโกรธเกิดขึ้นเราต้องจัดการมันก่อน เพราะถ้าทิ้งไว้เราจะถูกมันจัดการ

วันอังคารที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2552

2 ภาพที่ครูปุ้มประทับใจสุดๆ


ภาพแรก เป็นภาพที่ถ่ายคู่กับอาจารย์ปรมัตถ์ปัญปรัชญ์ค่ะ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2552 พบกันเป็นครั้งแรกในรายวิชาที่ 2 บังเอิญวันนั้นใส่เสื้อผ้าโทนสีเดียวกับอาจารย์เลย คือสีม่วง ขาวและดำ อาจารย์ใส่เสื้อโปโลตัวในสีม่วง เสื้อนอกสีขาว กางเกงสีดำ ส่วนหนูใส่เสื้อตัวในสีขาว เสื้อนอกสีม่วง กระโปรงสีดำ แหม! บังเอิญเหมือนกันแบบไม่ได้ตั้งใจ เลยต้องขอถ่ายรูปกับอาจารย์เก็บไว้เป็นที่ระลึกหน่อย ( ปลื้มใจจังเลยค่ะ )

ภาพที่ 2 ภาพนี้ประทับใจมาก ถ่ายที่เกาะนางยวน เป็นการเดินทางที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต ทริปนี้ไปกับคนรู้ใจเริ่มออกเดินทางจากบางสะพาน กะว่าขับรถไปเรื่อยๆแวะเที่ยวแถวชุมพรแล้วคงกลับ สุดท้ายกลับได้ที่พักที่น่ารักและเจ้าของผู้ใจดี เราเลยซื้อแพคเกจไปเกาะเต่า เกาะนางยวน ที่สุราษฎ์ ออกเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้น เราไปกับเรือเร็วลมพระยานั่งเรือออกไปได้นิดเดียวแทบอยากกลับฝั่ง เนื่องจากคลื่นสูงมาก ประมาณ 2-3 เมตร น่ากลัวมาก รู้ว่ายังไงก็ปลอดภัยแต่ก็กลัวเนื่องจากว่ายน้ำไม่เป็น เลยต้องนอนหลับแก้กลัว หลับๆตื่นๆ จนถึงที่หมายคือเกาะเต่า แล้วลงเรือเล็กไปเกาะนางยวน น่ากลัวไม่แพ้กันเรือโต้คลื่นจนใจไม่ดีเลย แต่คนขับเรือก็เก่งสามารถพาเรามาได้ สวยงามสมคำร่ำลือ เกาะนางยวน ถึงแม้จะคลื่นแรง มองเห็นสันทรายเพียงด้านเดียวแต่ก็คุ้มค่า พอดำน้ำดูปะการังได้ สรุปว่าสนุก ประทับใจมากๆกับทริปนี้
ขอแนะนำตัวอย่างคร่าวๆ ก่อนนะคะ

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2552

ประเมินการสอน ( สิ่งที่ได้รับรู้ในการเรียนแต่ละครั้ง )
วิชาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ ครั้งที่ 1
ได้รับความรู้เกี่ยวกับความสำคัญและบทบาทของสารสนเทศที่ใช้ในการบริหารจากอาจารย์ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อไปในวันข้างหน้า และได้เข้ากลุ่มทำกิจกรรมฝึกการคิด ฝึกการทำงานเป็นทีม การวางแผนงาน ซึ่งอาจารย์ได้ให้คำแนะนำในการร่วมอภิปรายภายในกลุ่ม และถึงแม้คะแนนของกลุ่มจะน้อยที่สุดแต่ก็ไม่น้อยใจค่ะ เพราะว่าประสบการณ์ที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันมันคุ้มค่ามากสำหรับการทำงานกลุ่มค่ะ ขอขอบคุณอาจารย์ที่ออกแบบกิจกรรมสร้างกลุ่มสัมพันธ์ดีๆ แบบนี้ให้พวกเราค่ะ
วิชาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ ครั้งที่ 2
ไม่ได้มาเรียนค่ะ เนื่องจากติดภาระงานที่โรงเรียน และได้ mail ติดต่ออาจารย์แล้วเพื่อติดตามภาระงานและได้ทราบจากอาจารย์ว่าไม่ได้รับ mail ดังนั้นจึงได้ถามงานจากพี่ที่ไม่ได้ไปเรียนเหมือนกัน และพี่ก็บอกงานมาจึงทำงานเตรียมงานไว้ส่งอาจารย์แล้วซึ่งจะนำไปส่งในวันสุดท้ายของการเรียนค่ะ
วิชาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ ครั้งที่ 3
สนุก สับสน วุ่นวายดีค่ะในสิ่งที่อาจารย์สอน เนื่องจากไม่เคยทำมาก่อนเลย แต่ก็สามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่การเริ่มสมัครทำ blog ( กว่าจะสมัครได้เล่นเอาตัวเองและเพื่อนข้างเคียงเหนื่อยไปตามๆกัน ) การออกแบบ Blog การนำเนื้อหา บทความ สุดท้ายก็ได้ส่งประวัติส่วนตัวไปให้อาจารย์ดู แต่อาจารย์ก็ดูไม่ได้อีกเนื่องจากพิมพ์ผิด แต่รับรองค่ะว่าจะส่งที่ถูกต้องไปแน่นอน ถือว่าเป็นการพยายามทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน สรุปว่าสนุกค่ะที่ได้ลองทำและคิดว่าจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปใช้ประโยชน์ได้มากมายเลยค่ะ
วิชาการจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ ครั้งที่4
เป็นการเรียนที่สนุกมากที่สุด เพราะทุกคนแข่งกันถามแข่งกันตอบ ( เพราะทุกคนอยากได้คะแนนจากอาจารย์กันทั้งนั้น)การเรียนการสอนจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน ถือเป็นการปิดคอร์สที่สวยงามและชื่นมื่นถ้วนหน้า กิจกรรมที่ได้เรียนรู้นอกจากจะทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระเพิ่มมากขึ้นแล้วยังมีการอภิปรายร่วมกันอย่างถึงลูกถึงคนอีกด้วย ทุกคนจึงได้รับประสบการณ์ที่ต่างตนต่างถ่ายทอดไปมากมายและสิ่งที่สำคัญ การสอนของอาจารย์ในครั้งนี้ยังแฝงการฝึกความสามัคคี การช่วยเหลือซึ่งกันและกันซึ่งทำให้เพื่อนๆ ประทับใจกันและกันด้วย ขอขอบคุณอาจารย์ที่ได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางจริง ๆ และตั้งแต่เรียนมาไม่เคยมีครั้งไหนเลยค่ะที่อาจารย์จะทำให้พวกเราผิดหวัง

ประวัติครูปุ้ม

นางสาวจารุวรรณ สินทอง ( ปุ้ม)

เกิดวันที่ 10 มีนาคม 2526

จบการศึกษา ครุศาสตรบัณฑิต เอกวิทยาศาสตร์ทั่วไป

มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

ปัจจุบัน รับราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย

โรงเรียนบ้านดอนสง่า อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

เบอร์โทรศัพท์ 081-1906000